วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ข้อมูลหุ้น IPO หุ้น PJW ที่จะซื้อขายวันที่ 28.02.55

บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก จำกัด (มหาชน)

ประกอบธุรกิจ
บริษัทดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภท ขวดและฝา และชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับยานยนต์ที่มีคุณภาพ
เช่น น้ำมันหล่อลื่น นมและนมเปรี้ยว สินค้าอุปโภคและบริโภค สารเคมีสำหรับการเกษตร และชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับยานยนต์

โครงสร้างรายได้ของบริษัท
1.รายได้จากภาชนะบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น              64.01%
2.รายได้จากภาชนะบรรจุภัณฑ์นมและนมเปรี้ยว           12.95%
3.รายได้จากภาชนะบรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภค        6.03%
4.รายได้จากภาชนะบรรจุภัณฑ์เคมีสำหรับสินค้าเกษตร    4.89%
5.ชิ้นส่วนยานยนต์ 10.78%
   

ฐานลูกค้าบริษัท
 ส่วนใหญ่เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่มีตราสินค้าเป็นที่รู้จักในแต่ละอุตสหากรรม


ผู้ถือหุ้นใหญ่
    ตระกูลเหมมณฑารพ    70.22%
   

ทุนจดทะเบียน  552 ล้านหุ้น หุ้นละ  0.50 บาท
โดยจำหน่ายให้ประชาชนทั่วไป 108 ล้านหุ้น  กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน 4 ล้านหุ้น

กำไรต่อหุ้น                      มูลค่าหุ้นทางบัญชี 
ปี 2551 = 0.175       
ปี 2552 = 0.185       
ปี 2553 = 0.271              0.82   
9 เดือนปี 2554 = 0.255    1.27           

ราคา IPO = 3.60 บาท

ปัจจัยเด่น
- เปรียบเทียบกับธุรกิจที่ใกล้เคียงกัน  TPAC
  Net Profit Margin ณ 9 เดือน 2554  TPAC = 5.60 %
                                                     PJW = 9.00 %

  D/E Ratio ปี 2554 TPAC = 1.16    เท่า
                              PJW = 1.18    เท่า
                                                  (คำนวณจากงบงวด 9 เดือน 2554 และรวมกับการเพิ่มทุน)   

- ประเมินมูลค่าที่เหมาะสม อย่างน้อยไม่ควรจะต่ำกว่า P/E TPAC ที่ปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ 12.63 เท่า
  เนื่องจาก PJW มีความสามารถในการทำกำไรที่ดีกว่า

 ประมาณการกำไรงวด 1 ปี ของ PJW ((0.255/3)*4) = 0.34 บาทต่อหุ้น * 12.63 = 4.30 บาทต่อหุ้น

- เปรียบเทียบกับหุ้น IPO ล่าสุดอย่าง HYDRO ซื้อขายที่ระดับ P/E 13.62 เท่า
  0.34 * 13.62 = 4.63 บาทต่อหุ้น

- เปรียบเทียบกับ P/E ตลาด ซื้อขายที่ระดับ 14 เท่า
  0.34 * 14.00 = 4.76 บาทต่อหุ้น


    ดังนั้น จึงคาดว่าราคาเปิดของหุ้นจะไม่ต่ำกว่า  4.30 บาทต่อหุ้น
             และมีลุ้นเล่นเก็งกำไรไปที่ระดับ  5.00 บาท
             จากสภาวะตลาดหลักทรัพย์ที่อยู่ในระดับ NEW HIGH ในรอบ 15 ปี